ศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2024/25 รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ปิดฉากลงอย่างดุเดือดและเต็มไปด้วยดราม่า โดยเฉพาะการดวลแบบดาร์บี้แมตช์ “มาดริดดิเออโร่” ที่ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ รวมถึงการตกรอบอย่างน่าเหนือความคาดหมายของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ มาดูผลการแข่งขันทั้งหมดและวิเคราะห์เส้นทางสู่รอบต่อไปกันแบบละเอียด
ผลการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย (นัดที่สอง)
วันอังคารที่ 11 มีนาคม 2025
บาร์เซโลนา 3-1 เบนฟิกา (รวม 4-1) “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา โชว์ฟอร์มสมราคาเต็งบนสนามคัมป์ นู หลังเปิดบ้านถล่ม เบนฟิกา ทีมจากโปรตุเกส 3-1 ส่งผลให้พวกเขาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-1 เลวานดอฟสกี้ ยังคงร้อนแรงทำประตูสำคัญในเกมนี้
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน 0-2 บาเยิร์น มิวนิค (รวม 0-5) “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อบุกมาเอาชนะ เลเวอร์คูเซน แชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลที่แล้วถึงถิ่น 2-0 ส่งผลให้พวกเขาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวมถึง 5-0 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบาเยิร์นในเวทียุโรปแม้จะทำผลงานไม่ดีนักในลีก
อินเตอร์ มิลาน 2-1 เฟเยนูร์ด (รวม 4-1) แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อินเตอร์ มิลาน เปิดบ้านเอาชนะ เฟเยนูร์ด จากฮอลแลนด์ไปได้ 2-1 ส่งให้พวกเขาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-1 ในเกมที่ลาอูตาโร่ มาร์ติเนซ แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมในแดนหน้า
ลิเวอร์พูล 0-1 เปแอสเช (รวม 1-1, เปแอสเช ชนะจุดโทษ 4-1) เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่แอนฟิลด์ เมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่ายให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 0-1 ในบ้านตัวเอง ทำให้สกอร์รวมเสมอกัน 1-1 ก่อนที่จะต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งเปแอสเช เป็นฝ่ายชนะไปได้ 4-1 ในจังหวะที่ผู้เล่นลิเวอร์พูลยิงพลาดถึง 3 คน นับเป็นการตกรอบที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์
วันพุธที่ 12 มีนาคม 2025
ลีลล์ 1-2 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (รวม 2-3) “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บุกมาเอาชนะ ลีลล์ ทีมจากฝรั่งเศสได้ 2-1 ในเกมที่สนุกสุดมันส์ ส่งให้พวกเขาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-2 แม้จะเป็นการผ่านเข้ารอบแบบหวุดหวิด แต่ดอร์ทมุนด์ได้แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ในเวทียุโรป
แอตเลติโก มาดริด 1-0 เรอัล มาดริด (รวม 1-1, เรอัล มาดริด ชนะจุดโทษ 4-2) ศึกดาร์บี้แมตช์แห่งกรุงมาดริด เป็นเกมที่เดือดสุดๆ เมื่อ แอตเลติโก มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ 1-0 ทำให้สกอร์รวมเสมอกันที่ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษและดวลจุดโทษ ซึ่ง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์เก่า 15 สมัย เป็นฝ่ายชนะไปได้ 4-2 ในการดวลจุดโทษที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยมีการปะทะกันของผู้เล่นทั้งสองทีมหลายครั้ง
อาร์เซนอล 2-2 พีเอสวี ไอด์โฮเฟน (รวม 9-3) “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เปิดบ้านเสมอกับ พีเอสวี ไอด์โฮเฟน 2-2 แต่ด้วยชัยชนะถล่มทลายในนัดแรก ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวมถึง 9-3 โดย มิเกล อาร์เตต้า ได้ให้โอกาสผู้เล่นสำรองลงสนามหลายคนในเกมนี้
แอสตัน วิลลา 3-0 คลับ บรูกก์ (รวม 6-1) แอสตัน วิลลา ทีมจากอังกฤษที่กลับมาโลดแล่นในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน เปิดบ้านถล่ม คลับ บรูกก์ จากเบลเยียมไป 3-0 ส่งให้พวกเขาผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 6-1 ในการกลับมาสู่เวทียุโรปอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่
โปรแกรมการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย
คู่ที่ 1: ปารีส แซงต์-แชร์กแมง VS แอสตัน วิลลา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีจากฝรั่งเศสที่เพิ่งโค่น ลิเวอร์พูล มาได้ จะพบกับ แอสตัน วิลลา ทีมน้องใหม่ในรายการนี้ที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ นี่จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของ วิลล่า ว่าพวกเขาจะสามารถต่อกรกับทีมใหญ่ระดับทวีปได้หรือไม่ โดยเฉพาะการเจอกับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองหน้าตัวความหวังของปารีส
คู่ที่ 2: เรอัล มาดริด VS อาร์เซนอล เป็นคู่ที่น่าจับตามองที่สุด เมื่อ “ราชันชุดขาว” แชมป์เก่า 15 สมัย จะปะทะกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ทีมที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก การพบกันระหว่างเรอัลที่มี วินิซิอุส จูเนียร์ และ ริคาร์โด้ ดับเบิลวู กับอาร์เซนอลที่มี บูคาโย่ ซาก้า และ เดคลาน ไรซ์ จะเป็นเกมที่สุดมันส์อย่างแน่นอน
คู่ที่ 3: อินเตอร์ มิลาน VS บาเยิร์น มิวนิค การปะทะกันของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลยุโรป แชมป์ลีกของอิตาลีอย่าง อินเตอร์ มิลาน ที่มี ลาอูตาโร่ มาร์ติเนซ คอยล่าตาข่าย จะดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมแกร่งจากเยอรมนี ที่มี แฮร์รี่ เคน กองหน้าทีมชาติอังกฤษที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จับตารูปเกมที่น่าจะสนุกและมีประตูเกิดขึ้นมากมาย
คู่ที่ 4: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ VS บาร์เซโลนา “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เข้ารอบมาได้อย่างหวุดหวิด จะต้องพบกับ บาร์เซโลนา ทีมที่กำลังกลับมาฟอร์มดีอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่ ทั้งสองทีมมีสไตล์การเล่นที่สนุกและเน้นเกมรุก คาดว่าจะเป็นคู่ที่สร้างความบันเทิงให้แฟนบอลได้อย่างแน่นอน
กำหนดการแข่งขันรอบต่อไป
รอบ 8 ทีมสุดท้าย:
- นัดแรก: 8-9 เมษายน 2025
- นัดสอง: 15-16 เมษายน 2025
รอบรองชนะเลิศ:
- คู่ A: ผู้ชนะคู่ที่ 1 (ปารีส/วิลล่า) พบ ผู้ชนะคู่ที่ 2 (เรอัล/อาร์เซนอล)
- คู่ B: ผู้ชนะคู่ที่ 3 (อินเตอร์/บาเยิร์น) พบ ผู้ชนะคู่ที่ 4 (ดอร์ทมุนด์/บาร์ซ่า)
- นัดแรก: 29-30 เมษายน 2025
- นัดสอง: 6-7 พฤษภาคม 2025
รอบชิงชนะเลิศ:
- ผู้ชนะคู่ A พบ ผู้ชนะคู่ B
- วันที่ 31 พฤษภาคม 2025
- สนาม: อลิอันซ์ อารีน่า, มิวนิค ประเทศเยอรมนี
บทวิเคราะห์เส้นทางสู่แชมป์
เรอัล มาดริด ยังคงเป็นเต็งหนึ่งในการป้องกันแชมป์ แม้จะผ่านเข้ารอบมาได้อย่างหวุดหวิด แต่พวกเขามีประสบการณ์ในการคว้าแชมป์ถึง 15 สมัย และมีผู้เล่นระดับโลกมากมาย
อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม และชนะเลเวอร์คูเซนรวมสองนัดถึง 5-0 ก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่น่าจับตามอง เช่นเดียวกับ บาร์เซโลนา ที่กำลังกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี
ส่วนทีมจากอังกฤษอย่าง อาร์เซนอล และ แอสตัน วิลลา ที่ยังเหลืออยู่ในรายการนี้ จะมีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์หรือไม่ โดยเฉพาะ วิลล่า ที่กลับมาเล่นรายการนี้อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน
ติดตามชมการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ในเดือนเมษายนนี้ สัญญาณแห่งความดุเดือดกำลังจะมาถึง!